Wednesday, May 21, 2014

หาสถานที่แต่งงาน เหนื่อยสุดในสามโลก

คนอื่นเค้าอาจจะจัดงานก่อน แล้วค่อยจดทะเบียน แต่คู่เราเป็นแนวสวนกระแสนิดนึงค่ะ เพราะเอาความสะดวก เหตุผล ความจำเป็น และสถานการณ์เป็นหลัก ไม่ได้เอาธรรมเนียม ประเพณีเป็นหลักน่ะค่ะ

แต่ยังไงเราก็จะจัดงานแต่งงานแน่นอน เพราะอยากให้เป็นความทรงจำดีๆ แก่ไปกว่านี้อยากจัดคงหมดไฟ

เราตกลงกันว่า จะจัดงานแบบไทยๆ เพราะแน่นอน คุณชายตกหลุมรักวัฒนธรรม และ สาวไทย อีกอย่าง อยากให้ครอบครัว และ เพื่อนที่จะมาจากอังกฤษได้เห็นอะไรไทยๆค่ะ

กว่าจะตกลงกันได้ว่าจะเอายังไงแบบไหน ผ่านprocess การงอน (ของดิช้าน) มาหลายกระบวน เพื่อนคนนึงเคยพูดว่า ตอนเป็นแฟนกัน ไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่ตอนเตรียมงานแต่งงาน ทะเลาะทุกวัน บางทีวันละหลายรอบ ตอนนั้นไม่ค่อยเห็นภาพ ตอนนี้ภาพชัดแจ๋วเลยค่ะ

ทีนี้ พอจะจัดงานไทย ๆ สถานที่ก็ต้องเป็นบ้านทรงไทย เราก็เลยมุ่งไปที่บ้านไทย เรือนไทย ที่ให้เช่าสถานที่ หรือ รับจัดงานแต่ง ก็มีให้เลือกเยอะ แต่เราก็เอาแนวใกล้บ้าน แต่แขกก็ต้องเดินทางสะดวกด้วย

เราเริ่มจาก อากู๋ กูเกิล ทีพึ่งทุกเรื่องในชีวิต ก็ได้มาสองสามที่ เริ่มติดต่อ แต่ละที่เพื่อไปดูและคุยรายละเอียด

วันนี้ขอเล่าที่แรกก่อนค่ะ

เรือนไทยราชภัฏพระนคร
ติดต่อ ยากมาก ถึงมากที่สุด ขนาดทำใจไว้แล้ว ว่าติดต่ออะไรที่เป็นแนว มหาลัย แนวรัฐบาลมันจะยาก แต่ไม่นึกว่ามันจะยากขนาดนี้  เบอร์โทรศัพท์ ในเว็บไซด์ เบอร์แรก เป็นใครไม่รู้รับค่ะ และไม่ใช่ราชภัฏพระนคร เบอร์ที่สอง ไม่มีแม้กระทั่งเบอร์นี้อยู่ในระบบ โทรไปเบอร์กลางของมหาลัย โทรทั้งวัน ไม่มีคนรับ ถามเฟซบุคของมหาลัย ได้เบอร์มาหนึ่งเบอร์ โทรยังไงก็ไม่มีคนรับ ถามกลับไปอีกรอบ ได้มาอีกเบอร์ แนวเดิมไม่มีคนรับ ถามกลับไปอีกรอบ ได้มาอีกสองเบอร์ คราวนี้มีคนรับ แต่ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบ ให้เบอร์ผู้รับผิดชอบมา ใช้เวลาสามวัน ในการตามหาผู้รับผิดชอบ

โทรไปหาผู้รับผิดชอบ ได้คำตอบว่า ผมไม่ชอบคุยทางโทรศัพท์ (อ้าว) รายละเอียดมันเยอะ เข้ามาคุยดีกว่า (โอเค เข้าใจได้) ก็เลยตกลงกันว่า จะโทรไปนัดกันก่อน ว่าทั้งสองฝ่ายสะดวกวันไหน เสาร์อาทิตย์ผู้รับผิดชอบอาจไม่ค่อยสะดวก แต่วันธรรมดา สะดวกมากกว่า เฮ้อ คนที่จะเป็นเจ้าสาวนี่ ไม่ต้องทำงานกันทุกคนหรือไงน้อ คนที่เค้าทำงานทำการ และจะแต่งงานก็มีเยอะแยะ นี่ถึงขนาดต้องลางานไปดูสถานที่แต่งงานกันเลย เฮ้อ เข้าใจแล้วว่าทำไมหลายคนถึงต้องจ้าง organizer

ขออนุญาตใส่เบอร์โทรศัพท์ของ ผู้รับผิดชอบ ( พค 2557) 086 334 4988 คุณภานุวัฒน์ เผื่อมีใครสนใจไปจัดงานที่นี่ จะได้ไม่ต้องตามล่าสุดขอบฟ้าเหมือนเราค่ะ มีเฟซบุคด้วยค่ะ
https://www.facebook.com/artspnru (กว่าจะหาเจอ ตาแทบหลุดเหมือนกัน) แต่เจ้าหน้าที่ก็ตอบรวดเร็วดีค่ะ ส่งmessage ไปแป๊บเดียวก็ตอบมาแล้ว คือสรุปเจ้าหน้าที่น่ะโอเค แต่กว่าจะหาเจอเนี่ย เล่นเอาเพลีย


เดี๋ยวขอค้างไว้แค่นี้ก่อนค่ะ ไปดูสถานที่แล้วจะกลับมาอัพเดทอีกที

Thursday, May 8, 2014

มหากาพย์ เปลี่ยนนามสกุล ตามสามี

หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้ว ก็จะไปเปลี่ยนนามสกุล ตามสามี ตามคำแนะนำของเพื่อน ที่แต่งงานกับชาวต่างชาติเหมือนกัน เพราะจะง่ายกับชีวิตมากตอนขอวีซ่าค่ะ

จริงๆ ขั้นตอนก็ประมาณ สามขั้นตอน (เท่านั้น !!!!!) ไม่ได้ยุ่งยาก (ประชด)  แล้วสิ่งที่เกิดกับอิช้านเนี่ย มันมหากาพย์จริงๆ

เอาขั้นตอนก่อนนะคะ

เราก็เอาทะเบียนสมรส (ไม่ใช่ใบสำคัญการสมรสนะคะ มันคนละใบกัน)  ที่บันทึกว่า เราจะเปลี่ยนคำนำหน้านาม และ นามสกุล ไปที่เขตค่ะ   (อันนี้เราต้องแจ้งตั้งแต่ตอนจะทะเบียนสมรสค่ะ ว่าจะใช้นามสกุลใคร)

 
   
    อันนี้เรียก ทะเบียนสมรส                                          อันนี้เรียกใบสำคัญการสมรส 

เขตก็จะออกใบเปลี่ยนนามสกุลให้เรา หน้าตาแบบนี้ 


เราก็เอาใบนี้ไปแก้ไขนามสกุลในทะเบียนบ้าน เจ้าหน้าที่ก็จะแค่เอาปากกาขีดฆ่านามสกุลเก่าออก เขียนนามสกุลใหม่ด้วยลายมือ และเซ็นชื่อกำกับ 

เสร็จแล้วก็เอาทะเบียนบ้านที่มีการแก้ไข ไปยื่นเพื่อทำบัตรประชาชน 

มีหลายคนต้องการ ใช้นามสกุลเก่าตัวเองมาตั้งเป็นชื่อรอง (ต่างชาติคือ middle name แต่ภาษาราชการบ้านเราเรียกชื่อรองค่ะ) หลังจากได้บัตรประชาชนนามสกุลใหม่มาแล้ว ก็ไปขอเพิ่มชื่อรอง แล้วก็กลับไปให้เจ้าหน้าที่แก้ไขทะเบียนบ้าน แล้วถึงจะกลับมาทำบัตรประชาชนใหม่อีกใบ ที่มีชื่อรอง 

(ขอบ่น) ยุ่งยาก เสียเวลา หลายขั้นตอน ซับซ้อนเหลือเกินระบบราชการไทย ทั้งหมดที่กล่าวมา ต้องเดินทั้งหมด สามแผนก ถ้าแค่เปลี่ยนนามสกุลอย่างเดียวก็สามแผนก แผนกละหนึ่งหน แต่ถ้าจะตั้งชื่อรองด้วยก็ ต้องวนกลับไปทั้งสามแผนก อีกหนึ่งรอบ  อะไร ทำไม มันถึงต้องซับซ้อนยุ่งยากขนาดนี้ นี่ขนาดทุกอย่างอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์นะคะ ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ต้องคัดเอกสารด้วยลายมือ มันจะเสียเวลากันขนาดไหนเนี่ย นี่แหละน้า บ้านเราเมืองเรา ถึงได้ล้าหลัง ไม่พัฒนาไปไหนซักที แค่จะเปลี่ยนนามสกุล เสียเวลาไปครึ่งวัน

ทีนี้ลองคิดดูค่ะว่า ถ้าทั้งสามแผนกนี้ อยู่คนละที่ ขนาดต้องขับรถไปกลับ สองสามทีล่ะ จะเป็นยังไง 

บ้านเราเนี่ยอยู่ในเขตเทศบาลตำบลไทรม้า ซึ่งทำทะเบียนบ้านได้ ย้ายเข้าย้ายออก แก้ไขข้อมูลในทะเบียนบ้าน แต่แก้ไขชื่อ นามสกุล และทำบัตรประชาชนไม่ได้ เราก็ต้องไปที่ว่าการอำเภอ ที่อยู่ศูนย์ราชการนนทบุรี ไกลออกไปอีกสิบกิโล เพื่อขอแก้นามสกุล เสร็จแล้วก็ขับกลับมา เทศบาลไทรม้า เพื่อแก้ไขนามสกุลในทะเบียนบ้าน เสร็จแล้วก็ขับกลับไป ที่ว่าการอำเภอเพื่อทำบัตรประชาชน เท่านี้เสียเวลาไป ครึ่งวัน น้ำมันไปครึ่งถัง  ตอนแรกตั้งใจว่าอยากจะตั้งนามสกุลเก่าเป็นชื่อรอง แต่แค่คิดว่า จะต้องกลับไปยื่นเรื่องขอตั้งชื่อรองที่อำเภอ ขับกลับไทรม้าเพื่อเปลียนทะเบียนบ้าน แล้วขับกลับมาที่ว่าการอำเภอ อีกรอบ และจะเสียเวลาเพิ่มอีกครึ่งวัน แค่คิดก็หมดแรงแล้วค่ะ

ณ จุดนี้ เราเลยใช้แค่ นาง และ นามสกุลสามี ชื่อรองไม่มี  เจ้าหน้าที่ ที่อำเภอบอกว่า บ้านเราไม่ใช้ชื่อรองกันอย่างแพร่หลาย เพราะฉะนั้น แม้แต่บัตรประชาชนก็ไม่มีที่ให้ใส่ชื่อรอง หลายๆบัตรในประเทศนี้ก็ไม่มีที่ให้ใส่ชื่อรอง เอกสารสมัครงาน บัตรเครดิต เอกสาร ทางธนาคารก็ไม่มีช่อง ตั้งชื่อรองก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอก ยกเว้น เราจะไปอยู่เมืองนอก ถึงตอนนั้น ค่อยไปขอตั้งก็แล้วกัน

by the way เรายังไม่ได้ศึกษาให้ละเอียดถึงข้อดี ข้อเสียของการมีชื่อรอง ที่อยากจะมี ก็เพราะแค่สนอง need ของตัวเองเฉยๆค่ะ หลังจากศึกษาให้ละเอียด และทำใจไปรับความยุ่งยากของขั้นตอนระบบราชการไทยได้แล้ว อาจจะกลับไปขอเพิ่มชื่อรองอีกที